March 15, 2016
การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง(อัลตราซาวด์)
การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวด์) เป็นการตรวจโดยใช้เครื่องมือส่งคลื่นเสียงความถี่สูงเกินกว่าระดับที่หูของคนเราจะได้ยินผ่านไปยังอวัยวะต่างๆที่ต้องการตรวจ แล้วรับคลื่นเสียงที่สะท้องกลับมาสร้างเป็นภาพ การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงเป็นการตรวจที่สะดวก รวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดต่อผู้รับบริการ โดยทั่วไปหากตรวจอัลตราซาวด์ เป็นระบบภาพ 2 มิติ ภาพที่ปรากฏเป็นภาพขาวดำแสดงภาพตัดขวางของอวัยวะต่างๆของทารกที่ทำการตรวจ
ประเภทของการตรวจ
ตรวจเพื่อการวินิจฉัย เมื่อมีข้อบ่งชี้ เช่น ยืนยัน อายุครรภ์ เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ปวดท้องน้อย แพ้ท้องมากผิดปกติ ขนาดมดลูกไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์ น้ำเดินก่อนอายุครรภ์ครบกำหนด เป็นต้น
ตรวจคัดกรองโรค หรือค้นหาความผิดปกติ แพทย์จะทำการตรวจเมื่อสตรีตั้งครรภ์มีความสี่ยงสูงที่ทารกในครรภ์จะมีความผิดปกติ เช่น สตรีตั้งครรภ์อายุมาก ทารกในครรภืมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเม็ดเลือดจางอย่างรุนแรง มีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาบางชนิดขณะตั้งครรภ์ มีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์
เป็นครื่องมือในการทำหัตถการวินิจฉัยก่อนคลอด เช่น การดุดชิ้นเนื้อรกเจาะน้ำคร่ำ เจาะเลือดจากสายสะทารกในครรภ์ เพื่อนำเซลล์ทารกไปตรวจโรคที่ส่งใส
ขั้นตอนการตรวจ
การตรวจมี 2 ช่างทางดังนี้
การตรวจอัลตราซาวด์ผ่านทางช่องคลอด จะใช้ในกรณีดังแต่ไปนี้ อายุครรภ์น้อยกว่า 10 สัปดาห์ การวัดความยาวปากมดลุก การตรวจระยะห่างของ ขอบรกจากปากมดลูก เป็นต้น คนไข้นอนราบบนเตียงในท่าเหมือนกานตรวจภายใน แพทย์จะทำการสอดหัวตรวจขนาดเล็กเข้าไปในช่องคลอด ซึ่งอาจทำให้คนไข้รู้สึกไม่สบายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
การตรวจอัลตราซาวด์ผ่านหน้าท้อง เป็นวิธีการตรวจส่วนใหญ่เมื่ออายุครรภ์เกิน 10 สัปดาห์ขึ้นไป คนไข้นอนราบบนเตียงตรวจ แพทย์ใช้หัวตรวจวางบนหน้าท้องของคนไข้ และทาเจลบริเวณหน้าท้องเพื่อเป็นสื่อนำภาพให้ชัดเจนขึ้น
ระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจ
โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 15 -60 นาที ขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายในการตรวจ ท่าทางของทารกในครรภ์ และความคมชัดของภาพ
ผลการตรวจ
แพทย์จะเป็นเป็นผู้อธิบายสิ่งตรวจพบให้คนไข้ทราบ พร้อมทั้งรายงานผลการตรวจเป็นเอกสาร และมีการบันทึกภาพที่ตรวจได้ไว้เป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว โดยจะทำการบันทึกข้อมูลลงในแผ่นวีดีหรือพิมพ์เป็นภาพถ่ายออกมาให้คนไข้
ขอจำกัดในการแปลผลการตรวจ
ความผิดปกติบางอย่างไม่สามารถตรวจพบได้โดยการตรวจอัลตราซาวด์หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายหลังจากตรวจอัลตราซาวด์ การตรวจไม่พบหรือไม่เห็นความผิดปกติใดๆนั้น ไม่ได้หมายความว่าทารกในครรภ์จะสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซนต์
ความปลอดภัย
ปัจจุบันมีการตรวจอัลตราซาวด์กันอย่างกว้างขวางมานานกว่า 40 ปี แต่ยังไม่มีรายงานถึงผมเสียหรืออันตรายของการตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงต่อทารกในคครภ์อย่างชัดเจน
ข้อจำกัดของการตรวจ
ภาพการตรวจจะไม่ชัดเจนในบางกรณี เช่น คนไข้หน้าท้องที่หนา น้ำคร่ำน้อยหรือมากเกินไป ทารกอยู่ท่าที่ไม่เหมาะสมหรือดิ้นมาก
การตรวจอัลตร้าซาวด์ในระบบภาพ 3 และ 4 มิติ
ในปัจจุบันมีการตรวจอัลตราซาวด์แบบ 3 มิติด้วยหัวตรวจพิเศษประมวลภาพเพิ่มเติมในส่วนของ ความลึก ดังนั้นผู้รับบริการสามารถมองเห็นภาพเสมือนวัตถุจริง เห็นลัษณะพื้นผิวในบริเวณที่ตรวจ และยังมีอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติ ที่เพิ่มในส่วนของ เวลา โดยเครื่องจะทำการเก็บภาพ 3 มิติอย่างต่อเนื่องกันไป ทำให้เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหว และเป็นภาพที่คนทั่งไปสามารถดูได้ง่ายขึ้น ซึ่งในขณะที่แพทย์ตรวจ จะทำการตรวจด้วยระบบภาพ 2 มิติ ควบคู่กันไปด้วยเพื่อดูความสมบูรณ์ภายในตัวทารก
การตรวจอัลตราซาวด์ 4 มิติ สามารถทำการตรวจได้ทุกช่วงอายุครรภ์ชช่วงอายุครรภ์ 5 เดือนแรก สามารถแสดงภาพทารกทั้วตัวในรูปเดียวได้เพราะว่าขนาดทารกในครรภ์ยังเล็ก หลังจากอายุครรภ์ 5 เดือนจะได้ภาพทารกเป็นส่วนๆ แต่สามารถเห็นใบหน้าทารกที่ใกล้เคียงกับทารกแรกคลอดมากขึ้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจคือ อายุครรภ์ 28 – 32 สัปดาห์
ข้อดีของการตรวจอัลตราซาวด์ 3 และ 4 มิติ
ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเห็นลูกน้อยได้อย่างชัดเจน และยังช่วยให้เห็นภาพความผิดปกติบางอย่างของทารก้ชัดเจน เช่น ปากแหว่ง มือเท้าผิดรูป เป็นต้น
ข้อจำกัดของการตรวจอัลตราซาวด์ 3 และ 4 มิติ
คุณแม่ต้องมีปริมาณน้ำคร่ำที่เหมาะสม และทารกอยู่ในท่าทางที่เหมาะสมด้วย
65/17-18 ซอยวิภาวดีรังสิต 16/6 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. 10900
โทรศัพท์ : 02-690-0063, 086-306-2084 090-907-4230
แฟกซ์ : 02-690-0064
อีเมล : info@bccgroup-thailand.com