ก่อนจะมีอาการน่าสงสัยหลายอย่างว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่รึเปล่า ร่างกายคุณแม่เองอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายเพื่อรองรับลูกน้อยในท้อง เพราะร่างกายจะเริ่มสร้างฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์และเพิ่มในปริมาณที่สูงขึ้น เช่น เอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน และฮอร์โมน hCG เพื่อให้ตัวอ่อนที่ปฏิสนธิในครรภ์ฝังตัวกับผนังมดลูกได้ดีและยังช่วยกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อยในท้องไปจนคลอดเลยค่ะ
จะรู้ตัวได้อย่างไรว่ากำลังตั้งครรภ์?
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์และจะเริ่มรู้ตัวเมื่อเข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่ 6 แล้ว เพราะบางคนไม่มีอาการคนท้องใดใด เลยอาจจะยังไม่รู้ตัวในช่วงแรกค่ะ ซึ่งแตกต่างจากบางคนที่รู้ตัวแทบจะในทันทีที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง ส่วนคุณแม่ที่ตั้งใจมีลูกหรือกำลังรักษาภาวะมีบุตรยากอยู่แล้วจะยิ่งสังเกตตัวเองเป็นประจำ และเมื่อเห็นสิ่งผิดปกติในร่างกายเพียงเล็กน้อยก็จะรู้ได้ทันทีว่าตนเองเริ่มตั้งครรภ์แล้วค่ะ
ยังไม่แน่ใจว่าอยากจะทดสอบการตั้งครรภ์หรือไม่?
ว่าที่คุณแม่ที่กำลังรอคอยลูกน้อยอย่างใจจดใจจ่อหรือพยายามที่จะมีลูกมานานแล้ว หากผลตรวจการตั้งครรภ์ออกมาเป็นผลลบ ซึ่งหมายถึงการที่คุณแม่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรืออาจเป็นเพียงแค่ประจำเดือนมาล่าช้าไปเท่านั้น ทั้งนี้ว่าที่คุณแม่ก็อย่าพึ่งหมดหวังและเสียกำลังใจไปนะคะ เพราะหากคุณแม่เป็นคนที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดมานาน อาจต้องใช้เวลา 6 ถึง 12 เดือนหลังหยุดยา ร่างกายจึงพร้อมที่จะตั้งครรภ์ได้อีกครั้งนะคะ
จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเลย ทำไงดี?
ถ้ายังไม่รู้สึกถึงอาการผิดปกติ ก็ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ เพราะผู้หญิงบางคนมีอาการแพ้ท้องเล็กน้อยในช่วงแรก ๆ บางคนไม่มีอาการแพ้ท้องเลยค่ะ จะแพ้น้อยแพ้มากก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องปัญหาหรือความเสี่ยงระหว่างการตั้งครรภ์นะคะ ทำจิตใจให้สบาย เตรียมพร้อมเจอลูกน้อยดีกว่านะคะ
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายมีอะไรบ้าง?
- อาการคนท้องช่วงแรก ๆ ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือเลือดไปเลี้ยงมดลูก, ช่องคลอด และปากช่องคลอดจำนวนมาก ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวมีสีคล้ำขึ้น ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าร่างกายเปลี่ยนแปลงแล้วในช่วงนี้ จนกว่าแพทย์จะตรวจกระดูกเชิงกรานหรือคู่สมรสสังเกตเห็นนั่นเอง
- คุณอาจรู้สึกหิวเกือบตลอดเวลา หิวทั้งที่เพิ่งรับประทานอาหารไปไม่นาน เหมือนทานเท่าไรก็ไม่อิ่มค่ะ
- มีอาการปวดปัสสาวะบ่อย แต่ปัสสาวะออกกะปริดกะปรอย แต่อาการนี้ส่อสัญญาณว่าอาจเกิดจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงก็เป็นได้นะคะ
- รู้สึกคลื่นไส้พะอืดพะอม อาจยังไม่ถึงขั้นอยากจะอาเจียน แต่คุณผู้หญิงจะรู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งอาจจะเป็นได้ตลอดวันและตอนเย็นค่ะ
- อาการเจ็บหน้าอก คัดตึงเต้านม หัวนมไวต่อสัมผัสเป็นพิเศษ สีเข้มขึ้นและใหญ่กว่าปกติ เป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ อาการคัดหน้าอกอาจคล้ายกับตอนช่วงก่อนมีประจำเดือน แต่อาการคนท้องมักจะรุนแรงมากกว่า
- คุณผู้หญิงอาจเห็นเลือดออกจากทางช่องคลอดเล็กน้อย ไม่มากเท่ากับเลือดประจำเดือน มีเพียงกะปริบกระปรอยเลอะชุดชั้นใน เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนในผนังมดลูกหลังจากไข่ปฏิสนธิแล้ว ซึ่งบางครั้งทำให้หลอดเลือดในผนังมดลูกแตกจึงมีเลือดออกมา
- ประจำเดือนขาดหายไปเป็นสัญญาณบอกว่าตั้งครรภ์ได้ชัดเจนที่สุดค่ะ โดยระยะเวลารอบเดือนของแต่ละคนแตกต่างกันไป โดยปกติรอบเดือนจะมา 2 สัปดาห์หลังการตกไข่ ผู้หญิงบางคนอาจมีรอบเดือนมาเล็กน้อยแม้ว่าจะเริ่มตั้งครรภ์แล้ว ถือเป็นเรื่องผิดปกติต้องตรวจกับแพทย์ให้ละเอียดอีกครั้งนะคะ
- ความรู้สึกรับรสผิดปกติ คุณแม่ตั้งครรภ์จะรู้สึกถึงรสชาติแปลกในปาก บางครั้งรู้สึกขมเฝื่อนหรือรู้สึกเปรี้ยวปาก เป็นเรื่องที่อธิบายได้ยากค่ะ ลองแปรงฟันหรือใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อขจัดรสขมเฝื่อนดูนะคะ
- คุณแม่มือใหม่จะเริ่มมีอาการปวดหลังซึ่งก่อนหน้านั้นไม่เคยปวดมาก่อน เป็นสัญญาณบอกว่าคุณเริ่มท้องแล้วค่ะ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์นั่นเอง
- จมูกไวต่อกลิ่นเป็นอาการแพ้ท้องอย่างหนึ่งค่ะ เหม็นกลิ่นบางอย่าง ทั้งที่ก่อนท้องไม่เป็นปัญหา กลิ่นของเนื้อดิบทำให้รู้สึกคลื่นไส้วิงเวียนศีรษะ โดยเฉพาะไก่และเนื้อวัว คุณแม่ท้องมักจะไวต่อกลิ่นอาหารเป็นพิเศษ จะรู้สึกเหม็นฉุนจนทนไม่ไหว
- คนท้องอาจไม่ชอบอาหารหรือเครื่องดื่มที่เคยโปรดปราน เช่น กาแฟ แอลกอฮอล์ และอาหารทอด อาจทำให้ไม่สบายตัวรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาได้ ถ้าคุณเคยสูบบุหรี่ อาจรู้สึกเหม็นควันบุหรี่ขึ้นมาก็ได้
- อยากรับประทานอาหารแปลกกว่าปกติ โดยเฉพาะอาหารเปรี้ยว ของหมักดอง ของที่มีรสเค็ม ของเปรี้ยวกลับกลายเป็นของโปรดในช่วงท้อง
- คุณแม่ตั้งครรภ์อ่อน ๆ มักจะท้องอืดง่าย เรอ แน่นท้องบ่อย เป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อย เกิดจากมดลูกขยายตัวทำให้อวัยวะในร่างกายทำงานไม่สะดวกจนทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร และแก๊สส่วนหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารของตัวคุณแม่เองด้วยค่ะ
- อาการคนท้องมักเหนื่อยง่าย รู้สึกอ่อนเพลียเมื่อยล้าอยู่แล้ว หากคุณแม่ตั้งท้องลูกคนใหม่และเลี้ยงลูกคนก่อนไปพร้อม ๆ กัน จะยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยมากขึ้นอีกนะคะ ลองให้คนใกล้ชิดช่วยเหลือ เช่น คุณสามี คุณแม่สามี คุณแม่เรา หรือพี่เลี้ยงเด็กสักคนจะช่วยเบาแรงคุณแม่ได้ค่ะ
- ถ้าคุณแม่วัดอุณหภูมิร่างกายเป็นประจำและได้คำนวณวันตกไข่เพื่อวางแผนตั้งครรภ์ ภายหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วหาก สังเกตได้ว่าอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นติดต่อกัน 18 วัน อาจแปลว่าคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ได้นะคะ แต่ถ้าเลยผ่านช่วงตกไข่ไปแล้วร่างกายคุณแม่มีอุณหภูมิลดลงมาเป็นปกติ อาจหมายถึงไข่ที่รับการปฏิสนธิไม่ได้ฝังตัวในผนังมดลูกซึ่งแปลว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้ยังไม่สำเร็จนะคะ
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
- อาการคนท้องส่วนใหญ่มีอารมณ์แปรปรวนเพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในร่างกาย คุณแม่บางคนเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตั้งครรภ์ในช่วงที่ตัวอ่อนฝังเข้าอยู่ภายในผนังมดลูกได้สำเร็จ โดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 6-12 วันหลังจากการตกไข่ค่ะ
- เริ่มมีความรู้สึกไวต่อสิ่งรอบตัว อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ กระทบกระเทือนจิตใจง่าย วิตกกังวลมากกว่าปกติ เป็นสัญญาณของคนท้องที่เห็นได้ชัดค่ะ
- การเปลี่ยนแปลงของตัวคุณแม่ทั้งทางร่างกายและอารมณ์เป็นผลมาจากการมีทารกน้อยในครรภ์ แต่ถ้ามากเกินไปจนรับมือไม่ไหว ควรจะพบแพทย์หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุและวิธีการรับมืออารมณ์ที่แปรปรวนระหว่างตั้งครรภ์นะคะ
คุณผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะรอจนกระทั่งประจำเดือนขาดหายไปเป็นเวลานานเพื่อลุ้นให้ผลการตั้งครรภ์แม่นยำ ที่สุดก่อนจะตัดสินใจ ซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์มาลองตรวจด้วยตัวเอง เพราะหากรีบซื้อมาตรวจเร็วเกินไปผลการตรวจที่ได้อาจไม่ถูกต้อง เนื่องจากระดับฮอร์โมนตั้งครรภ์ hCG ในปัสสาวะมีปริมาณน้อยเกินไป ทั้งที่คุณแม่อาจจะเริ่มตั้งครรภ์แล้ว ส่วนผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นบวกหมายถึงคุณแม่ได้ตั้งครรภ์สำเร็จ ซึ่งมักจะผลเป็นแม่นยำมาก หากตรวจสอบด้วยวิธีการที่ถูกต้องและระยะเวลาเหมาะสมนะคะ กรณีที่ผลตรวจออกมาเป็นบวกลวง หมายถึงผลตรวจปัสสาวะออกมาเป็นบวกที่แปลว่าตั้งครรภ์ ทั้งที่ความจริงแล้วคุณแม่ยังไม่ได้ตั้งครรภ์ ในกรณีนี้พบได้ยากแต่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินยาหรืออาหารบางชนิดทำให้ผลตรวจผิดพลาดได้เช่นกันค่ะ
ทั้งนี้ คุณแม่ควรหมั่นสังเกตการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตัวเองเป็นประจำนะคะ เพราะร่างกายของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันคลอดแต่ละท่านจะมีอาการแตกต่างกันออกไป แม้ว่าคุณแม่จะเคยมีลูกมาแล้วก็อย่าได้ชะล่าใจ เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์นะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: www.huggies.co.th