July 11, 2024
รู้กันหรือเปล่าว่า การตรวจหาความสัมพันธ์ของพ่อลูก เกิดขึ้นจริงในสังคมไม่ใช่เพียงแค่ในนิยาย ทำให้ในปัจจุบันหลายครอบครัวต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจดีเอ็นเอเสริมความมั่นใจว่าเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ ซึ่งในทางการแพทย์เราเรียกหลักการนี้ว่า Paternity Test หรือการตรวจหาความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพ่อลูกนั่นเอง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าขึ้น ทำให้การตรวจ DNA ที่มีความแม่นยำมากขึ้น วันนี้เราเลยจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจ กระบวนการตรวจดีเอ็นเอพ่อลูกว่าต้องใช้อะไรและมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
Paternity Test : ตรวจความสัมพันธ์ทางสายเลือด ใช่พ่อ-ลูกกันจริงหรือไม่?
Paternity Test คือการตรวจดีเอ็นเอหาความสัมพันธ์ทางสายเลือด โดยการใช้เทคโนโลยีการตรวจทางพันธุกรรม(DNA) เพื่อหาความเหมือนหรือแตกต่างของบุตรกับบิดาที่ต้องสงสัย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระบวนการตรวจ DNA พ่อลูกนั้น มีความซับซ้อนมากเลยทีเดียว อีกทั้งยังอาจสร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ทั้งต่อคุณพ่อ คุณแม่ และเจ้าตัวน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้อีกด้วย
ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มการตรวจ Paternity Test ทั้งฝ่ายว่าที่คุณพ่อและคุณแม่เองควรทำความเข้าใจร่วมกัน ถึงจุดประสงค์การทดสอบและต้องเตรียมใจยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ ซึ่งหากครอบครัวไหนพร้อมแล้ว ไปเตรียมศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้านการตรวจหาความสัมพันธ์ในครอบครัวทางสายเลือด โดยเฉพาะระหว่างคุณพ่อและลูกน้อยกัน
ความสำคัญของการตรวจความสัมพันธ์พ่อลูก เราสามารถใช้ประโยชน์จากการพิสูจน์สัมพันธ์พ่อลูก (Paternity Test) ได้ดังนี้
• การยืนยันบิดา: การตรวจความสัมพันธ์พ่อลูกสามารถยืนยันความเป็นบิดาทางชีวภาพ ซึ่งมีความสำคัญต่อการรับรองสิทธิและความรับผิดชอบทางกฎหมาย เช่น สิทธิในการเลี้ยงดูและรับมรดก
• การสร้างความมั่นใจ: การตรวจช่วยสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้ปกครองและเด็กเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสายเลือด
• การใช้ในทางการแพทย์: ข้อมูลทางพันธุกรรมจากการตรวจสามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมหรือการให้คำปรึกษาทางพันธุกรรมในอนาคต
หากท่านต้องการพิสูจน์สัมพันธ์พ่อลูก (Paternity Test) จะมีกระบวนการตรวจที่ท่านต้องทราบดังนี้
1. การเก็บตัวอย่าง: ตัวอย่าง DNA สามารถเก็บได้จากหลายแหล่ง เช่น น้ำลาย เซลล์จากภายในแก้ม (buccal cells) หรือเลือด กระบวนการเก็บตัวอย่างง่ายและไม่เจ็บปวด
2. การวิเคราะห์ DNA: ตัวอย่างที่เก็บได้จะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์ DNA และการจับคู่ทางพันธุกรรม
3. การเปรียบเทียบ DNA: DNA จากเด็กจะถูกเปรียบเทียบกับ DNA จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นบิดา โดยจะดูความคล้ายคลึงกันในลำดับยีนเฉพาะที่สืบทอดจากบิดา
4. การรายงานผล: ผลการตรวจจะระบุว่าบุคคลที่ถูกทดสอบเป็นบิดาทางชีวภาพของเด็กหรือไม่ โดยมีความแม่นยำสูงมาก (มากกว่า 99.99% สำหรับการยืนยันความเป็นบิดา)
แม้เราจะสามารถเข้าถึงการพิสูจน์สัมพันธ์พ่อลูก (Paternity Test) ได้โดยง่ายด้วยวิทยาการสมัยใหม่ แต่ก็มีข้อที่ควรพิจารณาถึงการใช้งานและข้อควรระวัง ดังนี้
• การใช้งานในทางกฎหมาย: ในกรณีที่ใช้เพื่อการพิจารณาคดีหรือข้อพิพาททางกฎหมาย ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าการตรวจได้รับการรับรองจากห้องปฏิบัติการที่มีความน่าเชื่อถือและผ่านการรับรองมาตรฐาน
• ความเป็นส่วนตัว: การตรวจ DNA มีความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว ดังนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าห้องปฏิบัติการมีนโยบายในการรักษาความลับของข้อมูล
• การให้คำปรึกษา: หลังจากได้รับผลการตรวจ ควรมีการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยให้เข้าใจผลและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
การตรวจความสัมพันธ์พ่อลูกเป็นเครื่องมือทางพันธุกรรมที่มีความสำคัญและมีความแม่นยำสูง การตรวจช่วยยืนยันความเป็นบิดาทางชีวภาพ ซึ่งมีความสำคัญต่อสิทธิและความรับผิดชอบทางกฎหมาย รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับครอบครัว การเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ DNA ทำได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว หากคุณกำลังพิจารณาการตรวจความสัมพันธ์พ่อลูก ควรปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญและเลือกห้องปฏิบัติการที่มีความน่าเชื่อถือเพื่อให้ได้ผลการตรวจที่แม่นยำและเชื่อถือได้ หรือปรึกษาเราเพื่อให้คำแนะนำการตรวจ Paternity Test ที่ได้รับการยอมรับและรับรองจากสถาบันชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ให้แก่ท่านต่อไป
65/17-18 ซอยวิภาวดีรังสิต 16/6 ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. 10900
โทรศัพท์ : 02-690-0063, 086-306-2084 090-907-4230
แฟกซ์ : 02-690-0064
อีเมล : info@bccgroup-thailand.com